“ภูมิธรรม” สั่งลุยยาเสพติด 3 เดือนต้องเห็นผล!

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประกาศกร้าวถึงมาตรการปราบปรามยาเสพติด โดยเน้นย้ำถึงกำหนดเวลา 3 เดือนที่จะต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม หากพื้นที่ใดล้มเหลว จะมีการ “คาดโทษ” และอาจถึงขั้น “สั่งย้าย” ผู้รับผิดชอบในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธร (ผบช.) และผู้กำกับการสถานีตำรวจ (ผกก.)
ภารกิจกวาดล้าง “No Drugs No Dealers” และการประเมินผลงาน

หลังเป็นประธานเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” เพื่อผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ปัญหาเรื่องยาเสพติดถือเป็น “การบ้าน” ที่มอบให้ทุกระดับชั้นปฏิบัติตาม โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ที่จะต้องดำเนินการได้ทันที โดยจะถือเป็นการ “ตรวจการบ้าน” ที่ใช้ “พลังของประชาชน” เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมาตรฐานในการวัดผลอยู่แล้ว
นายภูมิธรรมย้ำว่า แม้ตัวเลขการปราบปรามจะดูดีแค่ไหน แต่หากประชาชนยังไม่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่าพื้นที่นั้นยังมีปัญหา จำเป็นต้องลงไปตรวจสอบหาสาเหตุ โดยจะมีการพิจารณาความรับผิดชอบตามลำดับ

  • ระดับอำเภอ: นายอำเภอและผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่
  • ระดับจังหวัด: ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด
  • ระดับภาค: ผู้บัญชาการตำรวจภูธรในภาคนั้นๆ หากพื้นที่ใดมีปัญหารุนแรง
    ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่ต้องจริงจัง!
    นายภูมิธรรมยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้งใคร แต่เป็นการขอความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เร็วที่สุด โดยมีภาคประชาชนเป็นกำลังสำคัญ และข้าราชการทุกคนต้องตื่นตัวอย่างจริงจังในการปราบปราม
    3 เดือนชี้วัดผล และการเชื่อมโยงกับหนี้นอกระบบ
    สำหรับเป้าหมายที่ว่าปัญหายาเสพติดจะหายไป 100% ภายใน 3 เดือนนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่าจะต้องทำให้เต็มที่ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ และไม่ต้องการให้ใครพูดถึงยาเสพติดในสังคมไทยอีกต่อไป

และยังเน้นย้ำว่า แนวทางการปราบปรามยาเสพติดในขณะนี้มีความดุเดือดและจริงจังไม่แพ้อดีต เพราะปัญหานี้กำลังทำลายสังคมไทย จึงขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนช่วยเป็น “ตาสับปะรด” ตรวจสอบ และเชื่อว่าภายใน 3 เดือนจะเห็นความชัดเจนว่าพื้นที่ใดทำได้หรือทำไม่ได้ หากทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลมาชี้แจง เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานที่เข้มข้นขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังชี้ว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาหลักที่ควบคู่ไปกับ “หนี้นอกระบบ” สองเรื่องนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ผูกพันกัน และจะต้องปราบปราม “ผู้มีอิทธิพล” ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

Total
0
Shares
Previous Article

พ่อเล้าวัย 27 ค้ากามชายวัย 15 กินค่าหัวคิว

Next Article

บุกจับบ่อนพนันย่านบางแค ยึดอุปกรณ์-เงินสดจำนวนมาก

Related Posts