เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ที่ ห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน ว่า วานนี้ (12 มิ.ย.) มีการประชุมในส่วนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นการอัปเดตความคืบหน้าข้อมูลการสอบสวนในห้วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการสอบสวนปากคำพยาน การรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และในส่วนที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมเป็นคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน กับทาง กกต. (7 อรหันต์) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสรุปภาพรวมข้อมูล อย่างไรก็ตาม กรณีที่ในส่วนของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมีรองเลขาธิการ กกต. เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการออกหนังสือเรียกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และบุคคลอื่น ๆ เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาตาม พ.ร.ป.สว.61 ปัจจุบันรวมทั้งหมด 6 ล็อต นั้น ซึ่งในส่วนของคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงินที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ตนได้รับรายงานมาว่าทุกครั้งที่มีการสอบปากคำพยานสำคัญ จะเป็นการสอบในสองสถานะ ดังนั้น สำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบก็มีความคืบหน้าคู่ขนานไปกับในส่วนของคดีฮั้วตามกฎหมายการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในที่ประชุมวานนี้ ยังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องการเตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เข้าชี้แจงกรณีอั้งยี่-ฟอกเงิน แต่อย่างใด
”ตนขอเรียนว่าคดีดังกล่าว นอกจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแล้ว ยังมีพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวนด้วย ซึ่งเป็นพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ดังนั้น กรณีหากดีเอสไอจะมีมติดำเนินการอย่างไร จะต้องเป็นมติร่วมกันกับพนักงานอัยการ ยืนยันว่าในวันนี้ยังไม่ได้มีการเสนอเรื่องแจ้งข้อกล่าวหาเข้ามา“
เมื่อถามว่ามีข้อวิจารณ์ว่าในส่วนของดีเอสไอที่รับผิดชอบสำนวนคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน คล้ายรอทางชุดคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน (7 อรหันต์) พิจารณาออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาให้เสร็จสิ้นก่อนหรือไม่ แล้วดีเอสไอจึงค่อยพิจารณาออกหมายเรียกคดีอาญาตามหลัง โฆษกดีเอสไอ ชี้แจงว่า จริง ๆ แล้วเป็นการทำงานคู่ขนาน เพราะเวลาสอบปากคำพยานก็ทำควบคู่กัน.