นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางกทม. มีการส่งหนังสือการส่งมอบพื้นที่ไปทั้งหมด 3 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 ส่งไปที่หน่วยงานราชการ และทหาร โดยฉบับที่ 1 นั้นส่งไปแล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมกำลังพล ฉบับที่ 2 ส่งถึง สตง. ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ฉบับที่ 3 ส่งไปถึงคณะกรรมการที่ทางนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้น ทั้งกรมโยธาธิการ และผังเมือง พิสูจน์หลักฐานเป็นคณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบว่าภายในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. ทางกรุงเทพกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครจะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับทางสตง. ส่วนหลังจากที่แจ้งให้ทราบแล้วจะมีคำสั่งอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป
ในส่วนของกรุงเทพมหานครหน้าที่ของเราหมดเพียงเท่านี้ แต่เราก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ถ้าหากใครต้องการความช่วยเหลือในประเด็นไหนถ้าเรามีกำลังช่วยได้เราก็จะช่วยไม่ว่าจะเป็นเครื่องสูบน้ำห้องน้ำ หรือเรื่องดูแลความสะอาด
ต่อมา รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในส่วนของการช่วยเหลือประชาชน ทั้ง 50 เขตเราปิดไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม โดยมีทั้งหมดประมาณ 40,000 กว่าเคส เป็นเรื่องของการขอค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ส่วนที่เป็นค่าอื่นๆ มีเพียงหลักหน่วยเท่านั้น
ตอนนี้รวมมูลค่าตัวเลขเงินที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่ 176 ล้านบาท ในส่วนการใช้น้ำมันในพื้นที่ต่ำสุดอยู่ที่ 3,000 ลิตร ต่อวัน สูงสุดอยู่ที่ 6,000 กว่าลิตรต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำมันที่ใช้ในเครื่องรถ เครนต่างๆ รวมแล้ววันนึงค่าน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท ก็ต้องนำตัวเลขนี้มาคูณ 50 วัน (10 ล้านบาท) แต่ยังมีรถบรรทุกที่เราใช้ขนย้ายเศษซาก และยังมีน้ำมันในลักษณะอื่น เช่น ไฮดรอลิค น้ำมันเบนซิน เครื่องปั่นไฟ ตอนนี้ยังไม่สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายได้ แต่คาดว่าทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะยังไม่นับรวมถึงมูลค่าความเสียหายของอุปกรณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตลอดเวลาทำงานยังมีค่าซ่อมบำรุง ที่เราต้องซ่อมทุกวัน
และเราได้ขอขยายความช่วยเหลือจากรัฐบาล ได้มีการปรึกษากรมบัญชีกลางไปแล้ว ในเรื่องของการอุดหนุนค่าน้ำมันแม้ว่าทางบริษัทอิตาเลียนไทยจะเป็นผู้สนับสนุนค่าน้ำมันมาตลอด แต่ในช่วงแรกก็มีบางหน่วยงานที่ต้องจัดการตัวเองทั้งในแง่ของการซ่อมบำรุง และน้ำมัน
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาปฏิบัติงานนั้นถ้าหากเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนจะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ แต่ในส่วนของเอกชน และอาสาสมัครกู้ภัยทุกคนที่มาช่วยทางหน่วยงานของเขาเป็นคนจ้างมา พวกเขามาช่วยด้วยใจ ทางเราจึงได้ทำเรื่องขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือ ว่าจะสามารถช่วยในเรื่องของค่าจ้างเจ้าหน้าที่ทุกคนที่อาสามาได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าเขาจะมาด้วยใจแต่ 50 วันที่ต้องมาปฏิบัติงานนั้นถือว่าเยอะมากเขาต้องหยุดงาน และไม่ได้รับเงินเดือน
ในส่วนของผู้ประกอบการ ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ประสบภัย ที่ในช่วงแรกมีการปิดถนน จนทำให้เข้าออกไม่ได้ ทำให้ประชาชนที่เป็นผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนก็จะทำเรื่องขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือไปด้วย
ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าตัวเลขเดิม คือ 200,000,000 บาท ในจำนวนนี้ที่จะต้องใช้แน่ๆ คือ 176,000,000 บาท สำหรับช่วยเหลือประชาชนในค่าซ่อมแซมบ้าน แต่ยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นที่น่าจะมีมูลค่ามากกว่าหลาย 10 ล้านบาท จะมีการทำตัวเลขนี้ เพื่อเป็นการประมาณการว่าจะขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือ