กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เปิดปฏิบัติการ “Fast74 เร็ว แรง Stop Stick Takedown” รวบตัวนายศุภชัยฯ อายุ 35 ปี พร้อมอาวุธปืนและรถกระบะ หลังขับรถแหกด่านตรวจในจังหวัดนครศรีธรรมราช และพยายามพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบเคยก่อคดีมาแล้วหลายครั้ง ทั้งคดียาเสพติด อาวุธปืน และทำร้ายร่างกาย
ปฏิบัติการดังกล่าวอยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว และ พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง รอง ผกก.7 บก.ทล.
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันตั้งจุดตรวจปราบปรามอาชญากรรม บริเวณทางหลวงหมายเลข 4103 กม. 1-2 (ฝั่งขาออก) ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบรถยนต์กระบะ Isuzu D-Max แต่งซิ่ง มีฝากระโปรงสีดำ ขับมาถึงจุดตรวจ นายศุภชัยฯ ซึ่งเป็นคนขับ ได้เร่งเครื่องยนต์พุ่งเข้าใส่ช่องทางซ้ายสุด ซึ่งมีกรวยยางและกระบองไฟวางกั้นอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว
รถกระบะคันดังกล่าวได้พุ่งชนกรวยยางและกระบองไฟเสียหาย เศษอุปกรณ์กระเด็นถูก ร.ต.ต.ศิริชัยฯ ซึ่งพยายามสกัดรถ โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหลบได้ทัน มิฉะนั้นอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต
หลังก่อเหตุ นายศุภชัยฯ ได้ขับรถหลบหนีไปตามเส้นทางต่างๆ ด้วยความเร็วสูง โดยมี พ.ต.ท.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงนครศรีธรรมราช หัวหน้าจุดตรวจ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ขับรถไล่ติดตาม เปิดไฟและเสียงไซเรนต่อเนื่อง ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร การไล่ล่าดำเนินไปอย่างระทึก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น
ในที่สุด เมื่อรถของนายศุภชัยฯ วนกลับมาใกล้จุดตรวจเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นการจราจรและเตรียมใช้อุปกรณ์หยุดรถ “Stop Stick” แม้รถจะเหยียบอุปกรณ์ดังกล่าวแล้ว แต่นายศุภชัยฯ ก็ยังพยายามเร่งเครื่องหลบหนีและวนรถกลับอีกครั้ง ก่อนที่รถจะไปต่อไม่ไหว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการจับกุมตัวได้สำเร็จ
จากการตรวจค้นภายในรถ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer รุ่น P320 พร้อมกระสุน 9 นัด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้ลายพรางบนเบาะหลังคนขับ นอกจากนี้ยังพบแผ่นป้ายทะเบียนรถและป้ายเสียภาษีปลอมอีกด้วย


นายศุภชัยฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ซื้อรถคันดังกล่าวมาจากหญิงสาวชื่อ “เมย์” ในราคา 200,000 บาท เมื่อปี พ.ศ. 2567 โดยรู้ว่าเป็นรถหลุดจำนำ ส่วนอาวุธปืนซื้อมาจากชายชื่อ “เด่น” ในราคา 25,000 บาท เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2567 เช่นกัน และทราบว่าเป็นปืนที่รับจำนำมาเช่นกัน ที่สำคัญ นายศุภชัยฯ ยังยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนถูกจับกุม ซึ่งผลตรวจปัสสาวะยืนยันว่ามีสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย
และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของนายศุภชัยฯ พบว่าเคยก่อคดีมาแล้วถึง 7 ครั้ง ในหลายข้อหา ทั้งยาเสพติด อาวุธปืน และความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหา
ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม
พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและทำให้ทรัพย์สินของราชการได้รับความเสียหาย
ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย
เมาของเมาอย่างอื่นขณะขับรถ (เมทแอมเฟตามีน)