กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล ได้เคลื่อนขบวนจากสะพานชมัยมรุเชฐมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่ง ไล่ข้าราชการแพทย์ตำรวจ 2 นายออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางอาญาและวินัยร้ายแรง หลังถูกระบุว่าให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และเป็นเหตุให้นักโทษรายหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์ในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
การเคลื่อนไหวของกลุ่ม คปท. ในครั้งนี้ มีกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนและหน่วยงานอื่น ๆ กว่า 100 นาย คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัย เมื่อกลุ่ม คปท. มาถึง ได้มีการปราศรัยนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยเรียกร้องให้ ตร. พิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ตำรวจทั้งสองนายว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ เนื่องจากแพทยสภาได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าพบความบกพร่องในการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ชี้เป้า 2 นายแพทย์ และยื่นคำขาดหากเรื่องล่าช้า
นายพิชิตระบุว่า ภายหลังแพทยสภามีมติลงโทษบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งรวมถึง พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจคนปัจจุบัน และ พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นอดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ทางกลุ่ม คปท. จึงเรียกร้องให้ตำรวจทั้งสองนายนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย โดยเฉพาะในข้อหามาตรา 157 ซึ่งเป็นการกระทำความผิดร้ายแรง ผบ.ตร. จะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
นายพิชิตเน้นย้ำว่า ความผิดดังกล่าวมีความชัดเจน โดยเฉพาะในรายของผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 รายที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมจะชี้มูล หาก ตร. อ้างว่ายังไม่ได้รับหนังสือมติของแพทยสภาอย่างเป็นทางการ ทางกลุ่มจะรอคำชี้แจงว่าจะได้รับหนังสือเมื่อใด และจะติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์ แต่หาก ตร. ดองเรื่องไว้ ทางกลุ่มจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาดและจะยกระดับการกดดันต่อไป
โฆษก ตร. รับหนังสือ พร้อมยืนยันดำเนินการตามขั้นตอน
ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เป็นผู้ลงมารับหนังสือดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า ผบ.ตร. ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และตนจะรับหนังสือไปเพื่อพิจารณา ประกอบกับต้องรอมติของแพทยสภาที่จะส่งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นจึงจะดำเนินการส่งเรื่องให้ ผบ.ตร. ตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
