วันที่ 29 พ.ค. 68 นายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือ “ทนายกบ” นำผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการกับทนายความชื่อดังรายหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต หลังถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมฝ่าฝืนจรรยาบรรณและมารยาททนายความอย่างร้ายแรง ทั้งการข่มขู่ขอมีเพศสัมพันธ์แลกกับการทำคดี และทิ้งคดีความของลูกความ
ทนายกบ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายแรกคือ นางสุนันทา หรือ “พี่อมยิ้ม” วัย 51 ปี ถูกทนายคนดังกล่าวส่งข้อความข่มขู่ในลักษณะขอมีเพศสัมพันธ์ เพื่อแลกกับการยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาทเรียกเงิน 300,000 บาทส่วนผู้เสียหายอีกรายคือ นายเอก (นามสมมุติ) วัย 41 ปี ซึ่งว่าจ้างทนายคนเดียวกันให้ดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่ง แต่กลับไม่พบความคืบหน้าใดๆ นอกจากนี้ยังพบการละเลยหน้าที่หลายประการ เช่น การเลื่อนนัดศาลโดยไม่แจ้งลูกความ และที่ร้ายแรงคือ การเขียนคำฟ้องผิดพลาดอย่างชัดเจน โดยใช้สรรพนามสลับจากโจทก์เป็นจำเลยและจำเลยเป็นโจทก์ ซึ่งถือเป็นความผิดทางหลักวิชาชีพอย่างชัดเจน
เตรียมหลักฐานแน่น ยื่นขอลงโทษเด็ดขาด
ทนายกบ กล่าวว่า ตนได้จัดเตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมดมายื่นต่อสภาทนายความวันนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบจรรยาบรรณและมารยาทวิชาชีพของทนายคนดัง หากพบว่ามีความผิดจริง ก็ขอให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดตามขั้นตอน ตั้งแต่การตักเตือน พักใบอนุญาต หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่เห็นสมควร
“ผมอยากฝากถึงทนายคนดังภูเก็ตว่า หยุดเพ้อเจ้อ หยุดใส่ร้ายคนอื่นเพื่อสร้างกระแสข่าวให้ตัวเอง ผมแนะนำว่าให้หันกลับมาทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างจริงจังดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว มันไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ของตัวคุณคนเดียวที่เสียหาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาทนายความโดยรวมด้วย” ทนายกบย้ำ
สภาทนายความรับเรื่อง เตรียมไต่สวน
ด้านสภาทนายความ ฝ่ายคณะกรรมการมารยาททนายความ ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการดำเนินการตามขั้นตอน โดยการออกหมายเรียกให้ทนายที่ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินการตามขั้นตอนไตร่สวนต่อไป
นางสุนันทา หรือ “พี่อมยิ้ม” ผู้เสียหาย กล่าวว่า “วันนี้มองว่าเป็นวันที่ดี ที่ตนเองและทนายกบจะกำจัดคนที่ไม่ดีของสังคมออกไป เพราะคำว่า ‘ทนายความ’ เป็นชื่อที่อันทรงเกียรติมาก แต่ทนายที่นอกลู่นอกทางไม่ควรมีที่ยืนในสังคม ทนายดีๆ มีอีกเยอะ แต่เนื้อร้ายก็ควรจะตัดออกไป”
และยังฝากถึงสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ขอให้รับฟังประชาชนที่เดือดร้อน มีวิสัยทัศน์ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ทำตัวเหมือนคนหูหนวกตาบอด ควรฟังเสียงประชาชนให้มาก ๆ
การยื่นร้องเรียนในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้มีการตรวจสอบและจัดระเบียบวิชาชีพทนายความอย่างจริงจัง ท่ามกลางกระแสสังคมที่กำลังจับตามองพฤติกรรมของทนายความบางรายที่สร้างความเสื่อมเสียต่อวงการ