เวลา 10.15 น. วันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงพื้นที่มายังซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2 บริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ในคดีนอมินี รวมไปถึงประเด็นที่มีการปลอมแปลงลายเซ็นของวิศวกรระดับสูงในการคุมงานก่อสร้างอาคารสตง. ที่ทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
โดย นายทวี รมว.ยธ. เผยว่า ตอนนี้ทุกหน่วยงานต้องทำงานบูรณาร่วมกันในการค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในซากตัวอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ด้านกฎหมาย้ป็นหน้าที่ของตำรวจที่ตั้งข้อหาไว้เบื้องต้น คือ ข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ซึ่งเป็นคดีอาญา ส่วนทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษในคดีนอมินี ก่อนจะขยายผลไปคดีการเสนอราคาวัสดุต่อรัฐ ถ้าหากพบความผิดที่เกี่ยวกับภาครัฐก็ต้องให้หน่วยงานป.ป.ช.เข้ามาดูแลในเรื่องดังกล่าว การลงพื้นที่ของหน่วยงานดีเอสไอจะต้องได้ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเอกสารคู่สัญญาสำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 4 สัญญา คือ 1. สัญญาการออกแบบโครงสร้าง ซึ่งทางกรมโยธาไม่ได้เป็นคนออกแบบ แต่มีบริษัทของเอกชนเป็นออกแบบ 2. สัญญาควบคุมงาน 3. สัญญาการเปลี่ยนแบบและ 4. สัญญาการก่อสร้าง ส่วนอีก 3 สัญญาอื่นๆยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
ตอนนี้การทำงานของดีเอสไอได้แยกเป็นเอกภาพทำงานได้คล่องขึ้น จึงลงพื้นที่หาข้อมูล โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางบ้านการก่อสร้างตัวอาคารเข้าร่วมด้วย เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด หากทุกอย่างได้ไขความจริงออกมาได้ ก็จะบ่งบอกถึงการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมแก่ทุกคน เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในการทำงานของทางเจ้าหน้าที
ส่วนเรื่องการปลอมแปลงลายเซ็นของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกรระดับสูงที่ถือ 2 คุณวุฒิ มาเป็นผู่ควบคุมงานการสร้างอาคารสตง. ทางดีเอสไอได้รับข้อมูลมาหมดแล้ว ตอนนี้ได้ส่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบลายเซ็นของจริงและของปลอมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะนำไปประกอบสำนวนคดีนอมินี
ส่วนในคดีอื่นๆนั้น ตอนนี้ทางดีเอสไอยังทำไม่ได้ เนื่องจากจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงคดีนอมินีให้แล้วเสร็จ ก่อนจะขยายไปคดีเสนอราคาวัสวัสต่อหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ “ยังต้องให้ทางกระทรวงพาณิชย์ตื่นตัวร่วมช่วยกันพิสูจน์ข้อเท็จจริง”
ส่วนสัญญาการควบคุมงาน , สัญญาการเปลี่ยนแบบ และสัญญาการจ้างออกแบบ ยังไม่พบบริษัทจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทางดีเอสไอยังไม่ได้หลักฐานทั้งหมด ได้แต่เพียงหลักฐานที่เป็นสัญญาก่อสร้างที่เป็นบริษัทจีนเข้ามาเกี่ยวข้องเพียงเท่านี้
หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการออกใบเรียกหรือหมายจับซึ่งตอนนี้ยังไม่มี แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการล่าช้าขาดผู้ต้องหาที่มีความผิดระบบหนีไปก็จะติดตามตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย