อ. ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
18 เมษายน 2568 เดินทางมาที่กองบัญชาการกองปราบปราม พร้อมผู้เสียหายทางผู้เสียหายจากการซื้อขายทองคำจาก SCT จำนวนมาก พร้อมเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัท SCT จำกัด ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ้งพบว่าพฤติการเข้าข่าย 1. หลอกให้ผู้เสียหายซื้อทองจากบริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด (SCT) โดยให้ ราคาตํากว่าตลาด แต่สุดท้ายไม่ได้ทอง
มีพฤติการณ์หลอกให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน สร้างและพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่น เพื่อซื้อขาย ลงทุนทองค่า โดยอ้างว่าบริชัท ซินเนอร์จี คอมโมดิตัส์ เทรด จ่ากัด (SCT กําสังพัฒนาให้มีการเดิบโต อิ่งขึ้น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงบริชัทดังกล่าวขาดสภาพคล่องทางการเงิน 7. หลอกให้ผู้เสียหายบางส่วนลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยอ้างว่าจะผ่อน ช่าระหนี้ให้ เพื่อบิดเบือนคดีอาญาให้เป็นคดีแพ่ง โดยผู้เสียหายได้แจ้งให้ทราบถึงพฤติการณ์ว่า ได้มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีเจตนาฉ้อโกง ประชาชนมาตั้งแตตน ซึ่งบริษัท จินเนอร์จ้ คอมโมคิศ้ส เทรค จากัด (SCT)ได้มีการชักชวนให้ซื้อขาย ทองค่าผ่าน Open chat ในแอพพลิเคชั่นไลน์, เพจเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “SCTTradePlus by SCT GOLD” และแอพพลิเคชั่น จนเป็นเหตให้ผู้เสียหายหลายรายถูกหลอกให้เสียเงิน, ทองค่า, ซื้อทอง ไม่ได้รับทอง, ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน และลงทุนไม่ได้รับเงินคืน โดยมีมูลค่าความเสียหาย ประมาณไม่ตํากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้บริษัท ชินเนอร์จี คอะโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด (SCT) ได้ จิดที่ท่าการทั้งในกรุงเทพ อาคารจันทร์สว่าง และที่ทําการในจังหวัดนครราชสีมา (โคราช) 3 สาขา โดยใช้ชื่อร้านว่า “ห้างทองแสงมณ์โคราช” และพฤติการณ์ได้มีการปิดที่ท่าการทําให้ผู้เสียหายไม่ สามารถทําธุรกรรมทางการเงินได้อีกต่อไป แต่ยังเปิดโอกาสผ่านแอพพลิเคชั่นให้ประชาชนทั่วไปยัง สามารถนําเงินมาลงทุนโดยอ้างว่าเป็นการออมทองผ่านแอพพลิเคชั่นต่อไปได้ พฤติการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายที่มีมูลค่าความเสียหายสูงและมีประชาชนเป็น ผู้เสียหายจ๋านวนมาก ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจและกระทบต่อการลงทุนโดยภาพรวม อันเป็นการหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอก ให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย หรือทําให้ผู้เสียหาย ทํา ถอน หรือทําลายเอกสารสิทธิ โดยทุจริต อันเป็นเท็จต่อประชาชน จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 โดยมีแบ่งกลุ่มผู้เสียหาย ดังนี้ 1 ร้านทอง กว่า 50 ร้าน, 2.,ร้านรึบซื้อทองเก่า, 3. ผู้ลงทุน,4, ช่างทําทองรูปพรรน่าทองมาขาย และกลุ่ผู้เสียหาย อื่นๆ ซึ่งยังมีผู้เสียหายจ๋านวนมากที่ยังไม่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการกองปราบปราม
หลอกให้ผู้เสียหายขายทอง โดยให้ราคาสูงกว่าตลาด จะขําระเงินให้ท้นที่ แต่ให้รอรับการ ซ้าระเงิน 2-9 วัน แต่สุดท้ายผู้เสียหายไม่ได้เงิน 3. หลอกผู้เสียหายที่เป็นร้านทองให้เอาทองและเงินมาวางเป็นหลักประกัน (ฝากทอง) เพื่อ เป็นเครดิในการชําระเงินได้สูงสุด 21 วัน หรือให้คอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี แต่สุดท้ายไม่ได้รับทองคืน
หลอกให้ผู้เสียหายมาหลอมทอง โดยคิดค่าหลอมทองถูกกว่าราคาตลาด แต่สุดท้าย ผู้เสียหายไม่ได้ทองคืน
หลอกให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีเทรด Spot ทองคําเป็นสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา (USD) โดยไม่แน่ชัดว่าได้มีการขออนุญาตการทําธุรกรรมดังกล่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วหรือยัง แต่สุดข้ายผู้เสียหายลงทุนและไม่ได้ตินกลับคืนมา
