นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตอนนี้มีความพยายามที่จะรื้อบริเวณโซน E ซึ่งเป็นยอดของซากอาคารที่พังถล่ม ต้องส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปใช้ไฟตัดเหล็ก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นจุดที่มีเหล็กที่มีความเหนียว หรือ เหล็ก POST TENSION จากนั้นก็จะใช้รถแบ็กโฮตะกุยเหล็กลงมา ซึ่งเป็นจุดที่แบ็กโฮตัวเล็กขึ้นไปไม่ถึง จะต้องใช้รถแบคโฮขนาด 1,000 ตันขึ้นไป ซึ่งคาดว่าช่วงบ่ายวันนี้รถแบ็กโฮคันใหญ่จะขึ้นไปบนยอดได้ ก็จะสามารถทำให้เข้าถึงขึ้นไปรื้อได้ ซึ่งคาดว่าชั้น 28 -29 น่าจะมีผู้ติดค้างอยู่ เนื่องจากมีข้อมูลว่าบริเวณดังกล่าวมีคนงานทำงานอยู่สี่คน ถ้าทยอยโกยเศษซากบริเวณนั้นลงมาได้จะทำให้กองพื้นทางขึ้นมีความเสถียรมากขึ้น การก็จะสะดวกขึ้น วันนี้จึงโฟกัสไปที่การรื้อ 2 จุด คือ ยอดบนโซน E และทางเชื่อมระหว่างโซน B และโซน C เป็นจุดที่พบร่างคู่เสียชีวิตเมื่อวานด้วย และพบว่ามีกลิ่นแรงที่บริเวณดังกล่าว ถ้าลุยเข้าบริเวณนี้ได้คาดว่าจะพบผู้ติดค้างอีก
ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่าน้ำมันไฮดรอลิคเครื่องจักรหนักขาดแคน ยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะต้องใช้ซ่อมบำรุงระบบไฮดรอลิกที่มีปัญหา ซึ่งมักจะประสบปัญหาคือเหล็กไปเกี่ยวกับสายไฮดรอลิค จึงทำให้น้ำมันไฮดรอลิกรั่ว โดยมีหน่วยทหารช่างมาตั้งจุดซ่อมบำรุงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ก็ได้สั่งการไปให้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องการซ่อมบำรุงเครื่องจักรหนักให้พร้อมทำงานตลอดเวลา อีกทั้งแต่ละวันนั้น เครื่องจักรหนักจำนวนกว่า 20 คัน ต้องใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ยวันละ 4000 ลิตร ยืนยันว่ามีน้ำมันเพียงพอใช้ปฏิบัติงาน
จากการที่มีฝนตกเมื่อคืนก็จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง ได้สั่งการให้สำนักระบายน้ำมาจัดทำระบบระบายน้ำเพื่อไม่ให้มีน้ำท่วมในไซต์งาน และอาจส่งผลเรื่องความเสถียรของกองปูนที่รถแบ็กโฮไต่ขึ้นไป เสี่ยงต่อการสไลด์ลงมา จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ซึ่งเฉลี่ยแล้วสามารถรื้อเศษซากได้วันละประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ ในเวลา 13.30 น. จะมีการจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ให้กับผู้สูญหายและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ประสบภัย เขตจตุจักร บริเวณอาคารจอดรถ ภายในไซต์งานอาคารถล่ม