เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ศตวรรษ หาญนอก รองสว.สอบสวน สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุรถรถเทรลเลอร์บรรทุกรถแบคโฮ เกี่ยวเสาไฟฟ้าล้มทับรถเก๋ง บริเวณข้างวัดไผ่เขียว ถนนวัดเวฬุวนาราม แขวงและเขตดอนเมือง กทม. ทำให้ไฟดับเป็นวงกว้าง จึงรุดตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง และสำนักงานเขตดอนเมือง เข้าร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ริมกำแพงวัดไผ่เขียว หรือวัดเวฬุวนาราม บนถนนเวฬุวนาราม พบรถรถเทรลเลอร์บรรทุกรถแบคโฮตักดิน หมายเลขทะเบียน 83-8778 ปทุมธานี จอดขวางทางโค้ง ที่แขนรถแบคโฮตักดิน มีสายสลิงยึดเสาไฟฟ้าพันอยู่ที่หัวน็อต และเกี่ยวเสาไฟฟ้าหักล้มเสียหาย หลายต้น ห่างไปประมาณ 30 เมตรพบรถเก๋ง ซูซุกิสวิฟท์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 4 กพ 779 กรุงเทพมหานคร ถูกหม้อแปลงและเสาไฟฟ้า โค่นทับตัวรถโดยบริเวณหลังคาตำแหน่งที่นั่งคนขับ ถูกหม้อแปลงไฟฟ้าทับจนหลังคาทะลุเข้าไปในห้องโดยสาร โชคดีที่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำกสรปิดการจราจรและตัดไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ใช้เส้นทาง

จากการสอบถามนายเอกลักษณ์ เพิ่มทอง คนขับรถสวิฟท์ (ผู้เสียหาย) เปิดเผยว่า ขณะกำลังขับรถกลับบ้าน โดยขับตามหลังรถเทรนเลอร์อยู่ห่างๆ มาเส้นทางถนนหลังวัดไผ่เขียว เมื่อมาถึงสามแยกวัดไผ่เขียว รถเทรนเลอร์กำลังเลี้ยวขวา จังหวะเลี้ยวปลายแขนของรถตัก ไปเกี่ยวสายลวดสลิงยึดเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทาง ดึงเสาไฟฟ้าเอียงล้มลงมา จังหวะนั้นตนไม่เห็นว่าเสาไฟฟ้าข้างรถถูกดึงล้มมาด้วยเห็นแต่สายไฟข้างหน้า ตอนนั้นกำลังตัดสินใจว่าจะขยับไปข้างหน้าหรือถอยหลังดี สุดท้ายตัดาินใจเอี้ยวตัวมาทางเบาะข้างคนขับและเปิดประตูหนีออกมาได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบถามคนขับรถเทรนเลอร์ คันเกิดเหตุ ให้การว่าตนขับรถบรรทุกรถแบคโฮมาจากปทุมธานี เพื่อจะเอามาลงงานที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร จังหวะกำลังเลี้ยวรถไม่เห็นว่าแขนของรถแบ็คโฮ ได้เกี่ยวกับสายสลิง รู้ตัวตอนเห็นมีประกายไฟและเสียงหม้อแปลงระเบิด เลยจอดรถแล้วกระโดดลงจากรถลงมา เมื่อเดินไปดูที่ด้านหลังก็เห็นเสาไฟฟ้าล้มทับรถเก๋งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนขับรถมาลงงานที่นี่ เป็นครั้งที่ 2 แต่ครั้งแรกไม่มีอะไร จนมาเกิดเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่สน.ดอนเมือง และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อดูเหตุการณ์ทั้งหมด หากพบว่าเป็นความประมาทของผู้ใดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป